เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวแล้ว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะสูงถึง 2.9% ในปี 2567 แสดงให้เห็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลของการแพร่ระบาด กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ จึงค่อยๆ กลับมาสู่ภาวะปกติ และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็กำลังได้รับการซ่อมแซมเช่นกัน อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ภาคบริการและอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงการแพร่ระบาด กำลังเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาด เช่น การท่องเที่ยวและการจัดเลี้ยง และในอุตสาหกรรมการผลิตที่มีกำลังการผลิตและปริมาณการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนากำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว และกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญเบื้องหลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสมาพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อของจีน แสดงให้เห็นว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตทั่วโลกแตะระดับ 50.3% ในเดือนมีนาคม ซึ่งสิ้นสุดแนวโน้มในรอบ 17 เดือนที่ต่ำกว่า 50% และกลับสู่เขตการขยายตัว ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าการผลิตทั่วโลกกำลังเร่งการฟื้นตัว และผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เมื่อพิจารณาในภูมิภาคต่างๆ แล้ว PMI ภาคการผลิตของเอเชีย อเมริกา และยุโรปต่างก็ดีดตัวขึ้น โดยจีนและสหรัฐอเมริกามีส่วนสำคัญต่อแนวโน้มที่มั่นคงและสูงขึ้นของเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน รวมถึงปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และความเสี่ยงด้านหนี้สิน ประเทศต่างๆ กำลังใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น การใช้นโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย การเสริมสร้างการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรม และการเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมเพื่อเพิ่มโมเมนตัมการเติบโตภายในของเศรษฐกิจ

โดยสรุป แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นบวก แต่กระบวนการฟื้นตัวยังคงมีความท้าทายและความไม่แน่นอนอยู่มาก